คุณ มาบุสัน เซยงัน หนุ่มชาวฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นนักวิจัยเกี่ยวกับครูกวีไฮกุ โคบายาชิ อิสสะ และอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาได้รู้จักกลอนไฮกุตอนมาเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่เมืองนากาโน่เป็นเวลากว่า 20 ปี เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์เขาเกี่ยวกับเสน่ห์ของกลอนไฮกุและกวี โคบายาชิ อิสสะ

ก่อนจะมารู้จักท่านอิสสะ

ผมชอบแต่งกลอนตั้งแต่ตอนเด็ก และใฝ่ฝันอยากเป็นนักแต่งกลอนครับ ตอนอายุ 16 ปี ผมมีโอกาสมาประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในชั้นมัธยมปลายครับ ที่ห้องสมุดในโรงเรียนที่ผมเข้าเรียน มีประมวลบทกลอนไฮกุของนักกวี มัตสึโอะ บาโชะที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ผมได้ลองอ่านดู ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าไรในตอนนั้น แต่รู้สึกสนใจมาก กลอนของยุโรปเป็นแนวพรรณนาโวหาร แต่กลอนไฮกุของญี่ปุ่นจะสื่อให้เห็นถึงความลึกซึ้งแอบแฝงอยู่ ให้ผู้อ่านจินตนาการต่างๆ นานาจากบทกลอนสั้นๆ โดยจะไม่กล่าวความรู้สึกออกมาทั้งหมด เป็นแรงบันดาลใจให้ผมสนใจในเสน่ห์ของ กลอนไฮกุ และเริ่มศึกษาเป็นต้นมาครับ

หลังจากนั้น ผมเข้าศึกษาในภาควิชาวรรณคดีญี่ปุ่นที่มหาวิทยาลัยปารีส และเรียนจนสำเร็จหลักสูตรปริญญาเอก ในระหว่างที่ผมได้ศึกษาเกี่ยวกับกลอนไฮกุ ผมรู้สึกประทับใจในครูกวีไฮกุ โคบายาชิ อิสสะ ด้วยความที่ผมเติบโตในชนบทของประเทศฝรั่งเศส ในตอนนั้นจึงมีปมในใจว่า เราเป็นคนบ้านนอก ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวคิดของท่านอิสสะเกี่ยวกับ ใจเข้มแข็งที่จะต้านทานอิทธิพล ทำให้ผมตัดสินใจที่จะศึกษากลอนไฮกุของท่านอิสสะ เพราะท่านเป็นคนที่รักอิสระ แต่ก็อ่านใจคนอ่อนแอได้ สมัยก่อนผมจะแต่งกลอนไฮกุเป็นภาษาฝรั่งเศส ในระหว่างที่กำลังท่องเที่ยวอยู่ในภาคใต้ของประเทศฝรั่งเศสตอนอายุ 25 ปีนั้น อยู่ๆ ผมก็นึกถึงประโยคภาษาญี่ปุ่นประโยคหนึ่งว่า “ทะเลของแม่ที่มีดอกส้มบาน” ผมดีใจมากที่แต่งกลอนไฮกุภาษาญี่ปุ่นได้ และคิดไว้ว่า เราจะต้องไปอยู่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อ แต่งกลอนไฮกุเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ผมตัดสินใจไปประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่งครับ

ต่อมาในปี ค.ศ.1998 ผมได้ไปที่เมืองนากาโน่เพื่อรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวที่เมืองนากาโน่ ผมได้จัดโปรแกรมที่ชื่อ “การต้อนรับด้วยกลอนไฮกุ” เพื่อต้อนรับแขกต่างประเทศครับ ส่วนเมืองชินาโนะมาจิในจังหวัดนากาโน่นั้น ผมชอบเที่ยวครับเพราะท่านอิสสะเกิดและใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ หากได้มาที่นี่ เราจะได้สัมผัสกับธรรมชาติและความใจดีของผู้คนที่ดีงามมากครับ



ความน่าสนใจของท่านอิสสะ

ท่านอิสสะมีความรักทั้งในเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติ ตามแนวคิด Animism (วิญญาณนิยม) และใจเข้มแข็งที่จะต้านทานอิทธิพล ผมเองก็เคยทำอะไรที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม แต่บทกลอนของท่านอิสสะคอยให้กำลังใจผมครับ บทกลอนของท่าน จะมีแนวคิด “ใจเข้มแข็งที่จะต้านทานอิทธิพล” ซึ่งไม่มีในบทกลอนของท่านบาโชะ เป็นแรงเชียร์ให้แก่ผู้ที่ถูกบั่นทอนอำนาจ ท่านสนใจผู้ที่ถูกแบ่งชนชั้นและคนอ่อนแอ ท่านมีใจเข้มแข็งที่จะต้านทานอิทธิพล ใจเช่นนี้ไม่มีในเมืองใหญ่ เพราะท่านเป็นกวีที่เกิดในต่างจังหวัดซึ่งก็คือ เมืองชินาโนะมาจิ คนต่างจังหวัดจะกล้าพูดตรงไปตรงมาโดยผ่านกลอนไฮกุ ซึ่งจิตวิญญาณแบบนี้นับว่าจำเป็นสำหรับประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบันนะครับ



ทิวทัศน์และสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองชินาโนะมาจิที่ชื่นชอบ

โรงเก็บของที่ผนังทำจากดินเป็นสถานที่ที่ท่านอิสสะได้ใช้ชีวิตอยู่ครึ่งปีก่อนถึงแก่กรรม ที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์ของแถบชินชู ท่านอิสสะเสียชีวิตในฤดูหนาว ภายในโรงเก็บของมืดตลอดเวลา และหนาวมาก แต่ในโรงเก็บของแห่งนี้ มีหน้าต่างทางทิศใต้อยู่ 1 บาน ซึ่งจะมีแสงสาดส่องมา อันสื่อให้เห็นถึงคนในแถบชินชูว่า เป็นผู้ที่ดำรงชีวิตด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งเดียว นอกจากนี้ทะเลสาบโนจิริก็เป็นอีกแห่งที่ผมชอบนั่งเรือพายล่องลอยไปตามชายหาดฝั่งขวาของเกาะเบ็นเท็น ภาพภูเขาคุโรฮิเมะที่มองจากจุดนั้น สวยงามมาก เพราะเป็นภาพที่ท่านอิสสะชื่นชอบครับ

ต้นสนบนเกาะเบ็นเท็นที่คุณ มาบุสัน ชอบ

อยากจะฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้าง

ก่อนอื่น ขอแนะนำให้ไปหออนุสรณ์อิสสะเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับท่านอิสสะ จากนั้นจึงไปเกาะเบ็นเท็นในทะเลสาบโนจิริ เวลาลงจากเกาะ เราจะพบต้นสนสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ เป็นโลกแห่งความศักดิ์สิทธิ์ครับ ที่ญี่ปุ่นเชื่อกันว่า มีจิตวิญญาณอยู่ในทุกสรรพสิ่งเช่น ต้นไม้ ทะเลสาบ ซึ่งตรงกับแนวคิด Animism (วิญญาณนิยม) ของท่านอิสสะ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญในการท่องเที่ยวคือ การได้สัมผัสวัฒนธรรมและผู้คน การได้เห็นเพียงทิวทัศน์สวยงามจะไม่อยู่ในความทรงจำ จึงขอให้เราสร้างความทรงจำดีๆ ในการท่องเที่ยวโดยสัมผัสคนท้องถิ่น และวัฒนธรรมด้วยครับ

คุณ มาบุสัน เซยงัน

เกิดที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1968 ชื่อจริงคือ Mabesoone Laurent ตอนมาเรียนชั้นมัธยมปลายที่ประเทศญี่ปุ่น เขาได้สัมผัสกลอนไฮกุ จากนั้นกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยปารีส ประเทศฝรั่งเศส และได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับท่านอิสสะ ต่อมาเขาตัดสินใจกลับมาประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ และตั้งรกรากที่เมืองชินาโนะมาจิทางตอนเหนือเป็นเวลากว่า 20 ปีโดยประกอบอาชีพเป็นนักวิจัยเกี่ยวกับครูกวีไฮกุ โคบายาชิ อิสสะ และอาจารย์มหาวิทยาลัย

ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวที่เมืองนากาโน่เมื่อปี ค.ศ.1998 คุณ มาบุสัน มีผลงานเป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศโดยนำเสนอและรับผิดชอบโปรแกรมวัฒนธรรมภายใต้ชื่อว่า “โอลิมปิคที่เมืองนากาโน่กับการต้อนรับด้วยกลอนไฮกุ”